รีวิว MSI Prestige 16 AI Studio B1VEG

สวัสดีครับ

ก่อนอื่นเริ่มจากทำไมถึงมาเลือกรุ่นนี้ 

แต่เดิมผมใช้ Apple Macbook Pro M2 13นิ้ว RAM8 SSD512 มา 2 ปี โดยซื้อมาในราคา 5 หมื่น กว่า ๆ ซึ่งแน่นอนว่า CPU ก็แรงจริง ๆ บวกกับแบตที่อยู่ได้ยาวนาน ทำให้ตกใจกับ CPU ARM ของ Apple มาก ๆ หลัก ๆ ผมจะเอามาพัฒนาระบบนอกสถานที่เป้นหลัก โดยงานส่วนใหญาจะเป็น Angular + NodeJS ซึ่งตัวของ Angular จะใช้ CPU หนักมาก ๆ ทำให้แบตอยู่ได้จริงประมาณ 6-7 ชั่วโมง และจอแค่ 13 นิ้วแต่ต้องเปิด หลาย ๆ หน้าต่างพร้อมกันบางทีทำให้ทำงานลำบาก จะต้องสไลด์ไปมา สลับหน้าต่างเอา ดังนั้นตอนนี้ปัญหาคือจอเล็กเกินไป และแน่นอนว่าทำไมผมถึงไม่ได้ดู Macbook Pro 16นิ้ว แทนหละ จริง ๆ ผมดูครับ และราคาแต่ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสเปคที่จะได้ เดิมทีตอนอยู่บ้านผมใช้จอ 4K (3840×2160) อยู่แล้วด้วยทำให้ชิน แต่ Macbook Pro 16 กลับไม่ได้มีความละเอียดถึงตามที่ต้องการเพราะ MBP ได้น้อยกว่า ทำให้ผมมองหาตัวเลือกอื่น และตลาดโน๊ตบุคตอนนี้ก้ค่อนข้างน่าสนใจ ผมเลยลองไปดูว่าตลาดโน๊ตบุคไปถึงไหนกันแล้ว ซึ่งก็พบว่า Intel AMD เริ่มทำ CPU ที่ประหยัดไฟแล้ว แถมยังเป็น x64 อีกด้วย ด้วยความที่ไหน ๆ ก็จะเปลี่ยนละ เลยตั้งความต้องการขึ้นมาก่อน โดยอ้างอิงจากที่เคยใช้ MBP13 M2 กับคอมที่บ้านมา ซึ่งได้ดังนี้

  • CPU: ต้องแรงในระดับนึง Intel Core i/Ultra 5/7 ขึ้นไป
  • RAM: 16GB+ (เผื่อรัน Docker)
  • SSD: ต้องความจุ 512GB ขึ้นไป ถ้า Up เพิ่มได้จะดีมาก
  • จอต้อง 4K เต็มความละเอียด (3840×2160) คาดหวังใช้งานที่ Scale 100%
  • เครื่องต้องเบาและไม่หนามาก (เหมือน Macbook ที่ใช้อยู่)
  • แบตต้องอึด 4-6 ชั่วโมงขึ้นไป
  • ชาร์ตด้วย Type-C ได้
  • อยากลองเล่น AI ขอมีการ์ดจอติดไว้หน่อยละกัน (ไม่ได้คาดหวัง)
  • ราคาไม่สูงจนเกินไป (เทียบ Macbook Pro 16 M4)
  • มีช่อง RJ45

ซึ่งตัวเลือกก็มี

  • Macbook Pro 16 M4
  • โน๊ตบุคที่น่าจะ Spec ตามความต้องการ

และตอนแรกที่หา ไม่เจอเลยเลยคิดว่า สงสัยจะได้ซื้อ Macbook Pro 16 แทนจนลองไปค้นหาคำว่า Intel Evo ว่ามันคืออะไรก็ได้พบกับ MSI Prestige 16 AI Studio เครื่องนี้ ซึ่งพอดูรุ่นกับ Spec คร่าว ๆ ก็อึ่งว่า มีจริง ๆ หรอเนี่ย เลยลองพยายามหาตัวอื่นเปรียบเทียบซึ่งก็ไม่เจอแล้ว โดยมาตรฐาน Intel Evo จะมีการทดสอบเรื่อง Battery ว่าต้องสามารถใช้งานได้เกิน 9 ชั่วโมงดังนั้นจึงเบาใจเรื่องแบตไปเลย เลยได้ลองดูเปรียบเทียบ Spec ในรุ่นเดียวกันก็จะเห็นว่ามีรุ่นที่มีการ์ดจอกับไม่มีการ์ดจอด้วย และด้วย Spec

  • CPU: Intel Core Ultra 7/9
  • RAM: 32GB LPDDR5 (ฝังบอร์ด Up เพิ่มไม่ได้)
  • SSD: 1TB
  • การ์ดจอ Nvidia RTX 4050/60 + Studio Driver
  • Wifi 7 และมีช่อง RJ45
  • นำหนัก 1.9 กิโลกรัม ไม่ได้หนามาก เหมาะกับการพกพาสุด ๆ
  • ชาร์ตแบตผ่าน Type-C และมีอีกช่องเป็น Display Port ทำให้ต่อได้หลายจอ

ทำให้รู้สึกถูกใจมาก ๆ โดยสเปคเครื่องตรงความคาดหวังมาก ๆ แรงขนาดนี้แต่กลับประหยัดแบตได้ จนในที่สุดก็ตัดสินใจซื้อจนได้ครับ โดยตั้งความความหวังไว้ที่งาน Commart ในปี 2025 เดือนมีนาคม ซึ่งก็หลังจากรุ่นนี้ออกมา 7-8 เดือนแล้ว และ Intel Core 200 Series กำลังจะออกด้วย แต่ด้วยความที่อยากจะรีบใช้ก็เลยไปเอาจนได้ ตมร้านจะหาค่อนข้างยากหน่อย แต่ในงาน Commart พอจะมีให้เห็นบ้างโดยสเปคที่ผมได้มาคือ

  • Intel Core Ultra 7 155H
  • SSD 1TB แต่ Up เพิ่มเป็น 4TB
  • Nvidia RTX4050
  • จอ 4K 3840×2400 OLED
  • Office Home&Student 2021 1 ปี

ความรู้สึกแรกตอนที่เห็นคือเครื่องบางจริง ๆ จับแล้วน้ำหนักเบา ซึ่งตอนอยู่ที่งานก็ได้บูธ Banana แนะนำให้เป็นอย่างดี ซึ่งก็ยังไม่ได้เล่นเครื่องอะไรมากที่งาน แต่ก็ให้ Upgrade SSD จาก 1TB  เป็น 4TB โดยมีช่างของ MSI ไปประจำที่งาน และแน่นอนว่าค่าเปลี่ยนนั้นฟรี พอกลับบ้านมือจึงมาลง Windows ใหม่ + Program ต่าง ๆ ที่จะใช้

เกริ่นกันมาสะยาวเลย Review จริง ๆ สักที

เริ่มจาก Design รอบ ๆ ตัวเครื่องกันก่อน

ด้านข้างขวา มีช่อง RJ45 SD Card Reader Jack3.5 และไฟแสดงสถานะ

ด้านหลังมีช่อง HDMI USB A และ Type-C PD 1 ช่อง Thunderbolt 1 ช่อง

"เอาจริงก็รู้สึกว่า Port น้อยไปหน่อย แต่ก็โน๊ตบุคเบาบางสำหรับพกพาเนาะ"

ฝาหลังด้านบนมี Logo MSI แบบใหม่

ด้านบนมีกล้อง Webcam ที่ปิดกล้อง Sensor สแกนใบหน้าและตรวจจับการเคลื่อนไหว

สติกเกอรื Intel EVO กับ Nvidia RTX กับ HDML และที่จอมีสติกเกอร์ 4K HDR OLED Display

"จอใสมากครับ"

สำหรับ Design นี่ถือว่าเรียบหรูจริง ๆ ทั้งหน้าตา วัสดีที่ใช้ ผิวสัมผัส ความเบาบาง และจอที่ใสมาก ๆ แต่ก็แอบรู้สึกว่าตำแหน่ง Port ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ อยากให้ Port มาอยู่ข้าง ๆ มากกว่าโดยเฉพาะข้างซ้ายที่ไม่มีอะไรเลย ย้าย Type-C มาไว้ข้างซ้ายเหนือช่องระบายความร้อน กับ HDMI และ USB-A  ไปไว้ด้านขวาคงดีน่าดู RJ45 ดีที่มีมาให้เพราะบางครั้งงาน Network ยังใช้อยู่ ส่วน RJ45 จริง ๆ อยากให้อยู่ด้านซ้านนะ ด้านขวามมันติกเมาส์เวลาวางที่แคบ ๆ ส่วนที่เหลือดูดีหมด ทั้งจอที่ไปติดกับด้านหลัง ทำให้ดูไม่มีอะไรยื่น ๆ ออกมา การพับจอ 180 องศา บานพับถือว่าเป็นที่น่าพอใจสำหรับผม

การใช้งาน (ประมาณ 1 เดือน)

ในช่วงเวลา 1 เดือนผมได้นำไปใช้งานนอกสถานที่เป็นส่วนใหญ่ครับ เช่นที่มหาลัย หรือที่ทำงาน โดย Battery สามารถอยู่ได้ในระดับหนึ่ง ถึงจะไม่นานเท่า Mac แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานของผม

แบตเหลือ 90% ไม่ได้ปิดเครื่องตอนกลางคืน (Windows บอกใช้งานได้อีก 7 ชั่วโมง)

การทำงานส่วนใหญ่ของผมจะเน้นการเขียนโปรแกรมเป้นหลัก โดยทำ Angular + NodeJS และมีการเปิด Navicat + Browser ควบคู่ไปด้วย โดยต้องรันพร้อม ๆ กัน ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างน่าพอใจ แม้ตอนแรกจะตกใจที่แบตลดเร็ว ซึ่งอาจจะชินจาก Mac ที่ช่วงแรกแบตจะลดช้า แต่เครื่องนี้แบตจะลดช้าลงเมื่อผ่านไปประมาณ 10% โดย User Scenario ที่ใช้จะเป็น  MSI AI Engine

ข้อเสียเลยของตัวจัดการ User Scenario ถ้าเปิดการ์ดจอแยกเอาไว้แล้วใช้พลังงานจาก Battery หากเปิด Nvidia Whisper Mode ไว้ ตัว Nvidia Whisper Mode จะเป็นตัวจัดการพลังงานทำให้สิ้นเปลืองมาก ๆ ดังนั้นจึงต้องไปปิด แต่มันจะชอบขึ้นมาใหม่เองเกือบทุกครั้ง

เลยตัดปัญหาว่าถ้าจะพกพาไปทำงานข้างนอก จะไม่เปิดการ์ดจอแยกไปเลย เพราะแค่ Intel Arc จริง ๆ ก็พอแล้ว

การใช้งานที่ Scale หน้าจอต่าง ๆ

ถ้าใครที่คิดจะซื้อไปแล้วใช้ 100% อาจจะผิดหวัง เพราะแสดงผลได้จริง แต่ตัวเล็กมากกก ปวดตาแน่นอน ปกติผมจะใช้ที่ 125% แต่บางครั้งก็จะปรับเป็น 100% บ้าง

250% (ค่าเริ่มต้น)

200%

175%

150%

125% (ที่ผมใช้งานเป็นหลัก)

100%

Adapter

ตัว Adapter ที่แถมมาจะเป็นขนาด 140W แบบ Type-C แต่เครื่องรองรับการชาร์ตได้หลายขนาด อย่างที่ทำงานผมใช้ Adapter ขนาด 100W ในการชาร์ตก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว

Wutthiphon Tassana
Wutthiphon Tassana